“กินกรีน“เพิ่มกากใยเพิ่มความสุข

คุณเคยสังเกตไหมว่าอาหารบางอย่างทำให้คุณรู้สึกมีความสุข มีพลังงาน หรือสงบ ในขณะที่บางอย่างทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า วิตกกังวล หรือหงุดหงิด? ความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับอารมณ์นั้นไม่อาจปฏิเสธได้ และการเข้าใจว่าอาหารที่คุณรับประทานส่งผลต่ออารมณ์อย่างไร สามารถช่วยปรับปรุงทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพกายของคุณได้
อาหารที่เรารับประทานไม่ได้แค่ให้พลังงานกับร่างกายเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการควบคุมสารเคมีในสมอง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่ออารมณ์ของเรา ตัวอย่างเช่น กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่พบในปลาที่มีไขมันอย่างปลาแซลมอนและวอลนัท สามารถลดอาการซึมเศร้าได้ ในขณะที่คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจากธัญพืชเต็มเมล็ดและผักช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งสามารถช่วยรักษาสมดุลอารมณ์ได้
ในทางตรงกันข้าม อาหารที่ผ่านกระบวนการสูง ขนมหวาน และคาเฟอีนในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ ความหงุดหงิด และแม้กระทั่งเพิ่มความวิตกกังวล อาหารเหล่านี้ทำให้พลังงานพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วตกลงอย่างรวดเร็ว ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้าและหมดแรงทางอารมณ์
หากคุณต้องการรู้สึกดีขึ้น การเลือกอาหารที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ อาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหาร เช่น กล้วย ดาร์กช็อกโกแลต และอะโวคาโด มีคุณสมบัติในการเพิ่มระดับเซโรโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความสุขและการผ่อนคลาย อาหารหมักดองเช่น โยเกิร์ต กิมจิ และกะหล่ำปลีดอง ยังสามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพลำไส้ ซึ่งเชื่อมโยงกับการควบคุมอารมณ์ที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ผักใบเขียว ถั่ว และเมล็ดพืชยังเป็นแหล่งที่ดีของแมกนีเซียม ซึ่งมีบทบาทในการลดความเครียดและส่งเสริมการผ่อนคลาย การเพิ่มอาหารเหล่านี้ในอาหารประจำวันของคุณอาจช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลและปรับปรุงเสถียรภาพทางอารมณ์โดยรวมได้
คุณรู้ไหมว่าลำไส้มักถูกเรียกว่า “สมองที่สอง”? นั่นเป็นเพราะลำไส้และสมองเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด และสุขภาพลำไส้ที่ดีสามารถนำไปสู่สุขภาพจิตที่ดีขึ้นได้ ไมโครไบโอมในลำไส้ ซึ่งเป็นกลุ่มแบคทีเรียดีในระบบย่อยอาหารของคุณ ผลิตสารสื่อประสาทหลายชนิด เช่น เซโรโทนิน ที่ควบคุมอารมณ์
การรับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผลไม้ ผัก และธัญพืชเต็มเมล็ด ช่วยบำรุงแบคทีเรียในลำไส้ ในขณะที่โพรไบโอติกส์ที่พบในอาหารหมักดองช่วยรักษาสุขภาพลำไส้ การรักษาสมดุลของไมโครไบโอมในลำไส้สามารถลดความรู้สึกเครียด วิตกกังวล และแม้กระทั่งภาวะซึมเศร้าได้
หลายคนมักหันไปหาอาหารเพื่อปลอบประโลมใจ เช่น พิซซ่า ไอศกรีม หรือมันฝรั่งทอดเมื่อรู้สึกเครียด แม้อาหารเหล่านี้จะให้ความสบายใจชั่วคราว แต่ก็มักนำไปสู่การตกต่ำทางอารมณ์ ความรู้สึกผิด และการเพิ่มขึ้นของความวิตกกังวลในภายหลัง การกินตามความเครียดสร้างวงจรการกินที่ไม่ดี ซึ่งไม่เพียงส่งผลกระทบต่ออารมณ์ แต่ยังเพิ่มความเครียดและสภาวะจิตใจที่ไม่ดี
การทำลายวงจรนี้จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังและการเลือกอาหารที่ดีขึ้นในช่วงเวลาที่เครียด ควรเลือกของว่างที่ช่วยเพิ่มอารมณ์ เช่น ถั่ว เบอร์รี่ หรือดาร์กช็อกโกแลต ซึ่งให้พลังงานที่ยั่งยืนโดยไม่ทำให้เกิดการตกต่ำทางอารมณ์
หากคุณต้องการรักษาอารมณ์ให้คงที่และปรับปรุงสุขภาพจิต มีอาหารบางประเภทที่ควรจำกัดหรือหลีกเลี่ยง อาหารที่ผ่านการแปรรูป อาหารจานด่วน ขนมหวาน และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูงสามารถส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของคุณได้โดยทำให้พลังงานลดลงและเพิ่มความหงุดหงิด การลดการบริโภคอาหารเหล่านี้สามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากในความรู้สึกของคุณในแต่ละวัน
แทนที่จะเน้นการรวมอาหารที่มีประโยชน์ลงในอาหารประจำวัน เช่น ผลไม้สด ผัก โปรตีนที่มีไขมันต่ำ และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ อาหารเหล่านี้ให้สารอาหารที่สมองของคุณต้องการในการทำงานอย่างเต็มที่และช่วยให้อารมณ์คงที่
คุณรู้ไหมว่าลำไส้ของคุณมักถูกเรียกว่า “สมองที่สอง”? มีหลักฐานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ว่าความเชื่อมโยงระหว่างลำไส้กับสมองมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอารมณ์และสุขภาพจิต ลำไส้ที่แข็งแรงสามารถช่วยลดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าได้ ในขณะที่ลำไส้ที่ไม่สมดุลอาจมีส่วนทำให้เกิดความผิดปกติทางอารมณ์ บทความนี้จะเจาะลึกถึงวิทยาศาสตร์เบื้องหลังสุขภาพลำไส้และการควบคุมอารมณ์ พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการรักษาจุลินทรีย์ในลำไส้ให้แข็งแรงผ่านโพรไบโอติก อาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ และการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
#อาหารเส้นใยไฟเบอร์กับผลกระทบต่อการทำงานของสมอง พฤติกรรม และอารมณ์
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้ตระหนักถึงความเชื่อมโยงอันทรงพลังระหว่างลำไส้และสมอง ซึ่งมักเรียกว่า แกนลำไส้สมอง (gut-brain axis) แกนนี้เกี่ยวข้องกับบทบาทของไมโครไบโอมในลำไส้—ซึ่งเป็นจุลินทรีย์หลายล้านล้านตัว รวมถึงแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส ที่อาศัยอยู่ในระบบย่อยอาหาร สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย เช่น การย่อยอาหารและภูมิคุ้มกัน แต่ยังมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการทำงานของสมอง พฤติกรรม และอารมณ์อีกด้วย
แกนลำไส้สมองเป็นระบบการสื่อสารที่ซับซ้อนซึ่งช่วยให้ลำไส้และสมองสามารถโต้ตอบกันได้อย่างสองทาง ระบบนี้ประกอบด้วยหลายเส้นทาง เช่น เส้นประสาท ฮอร์โมน และระบบภูมิคุ้มกัน ที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณระหว่างระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) และระบบประสาทลำไส้ (ENS) ซึ่งควบคุมการทำงานของระบบทางเดินอาหาร
เส้นประสาทเวกัส (vagus nerve) ซึ่งเป็นเส้นประสาทสมองที่ยาวที่สุด มีบทบาทสำคัญในการสื่อสารระหว่างลำไส้และสมอง แต่ที่น่าสนใจคือ ไมโครไบโอมในลำไส้สามารถมีอิทธิพลต่อการสื่อสารนี้ได้โดยตรง ไมโครไบโอมผลิตสารที่มีผลต่อระบบประสาท เช่น สารสื่อประสาทอย่างเซโรโทนิน โดปามีน และแกมมา-อะมิโนบิวไทริกแอซิด (GABA) ซึ่งล้วนเป็นสารที่สำคัญต่อการควบคุมอารมณ์และพฤติกรรม
สารสื่อประสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซโรโทนิน ถูกผลิตขึ้นจำนวนมากในลำไส้ ประมาณ 90% ของเซโรโทนินในร่างกาย ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สำคัญต่อการรักษาอารมณ์ ความสุข และความเป็นอยู่ที่ดี ถูกสังเคราะห์ในระบบทางเดินอาหาร แบคทีเรียบางชนิดในลำไส้สามารถผลิตและควบคุมปริมาณสารสื่อประสาทเหล่านี้ ซึ่งส่งผลต่ออารมณ์และการควบคุมอารมณ์
ตัวอย่างเช่น:
ด้วยกลไกเหล่านี้ ไมโครไบโอมในลำไส้จึงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดว่าเรารู้สึกอย่างไร ประพฤติอย่างไร และตอบสนองต่อความเครียดอย่างไร
เมื่อความสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ถูกทำลาย—ซึ่งเรียกว่า gut dysbiosis—อาจนำไปสู่ปัญหาทั้งทางร่างกายและจิตใจ ความไม่สมดุลนี้อาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ การใช้ยาปฏิชีวนะ ความเครียดเรื้อรัง หรือการเจ็บป่วย การเสียสมดุลของไมโครไบโอมนี้ถูกเชื่อมโยงกับภาวะสุขภาพจิตหลายประการ เช่น:
ไมโครไบโอมในลำไส้ยังมีบทบาทสำคัญในการตอบสนองต่อความเครียดของร่างกาย จากการศึกษากับสัตว์ทดลองพบว่าหนูที่ถูกเลี้ยงให้ปราศจากแบคทีเรียในลำไส้ (germ-free mice) จะแสดงการตอบสนองต่อความเครียดที่รุนแรงขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของไมโครไบโอมในการควบคุมการตอบสนองต่อความเครียด
ในมนุษย์ การศึกษาหลายชิ้นพบว่าผู้ที่มีไมโครไบโอมที่หลากหลายและแข็งแรงจะมีความยืดหยุ่นทางอารมณ์ดีกว่า และสามารถรับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น ในขณะที่ผู้ที่มีไมโครไบโอมที่ไม่สมดุลเนื่องจากการรับประทานอาหารที่ไม่ดี หรือการใช้ยาปฏิชีวนะ อาจมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะทางจิตใจที่เกิดจากความเครียด เช่น ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า
การอักเสบเรื้อรังเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้าและปัญหาทางอารมณ์อื่นๆ และไมโครไบโอมในลำไส้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการตอบสนองต่อการอักเสบของร่างกาย แบคทีเรียบางชนิด โดยเฉพาะแบคทีเรียที่ได้รับสารอาหารจากใยอาหารและอาหารที่มาจากพืช สามารถผลิตกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) เช่น บิวทิเรต ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ บิวทิเรตช่วยลดการอักเสบในลำไส้และเสริมสร้างผนังลำไส้ให้แข็งแรง ป้องกันไม่ให้แบคทีเรียและสารพิษที่เป็นอันตรายเข้าสู่กระแสเลือดและก่อให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสมอง
ในทางกลับกัน เมื่อไมโครไบโอมในลำไส้ไม่สมดุล อาจทำให้เกิดการอักเสบทั้งในลำไส้และทั่วร่างกาย การอักเสบนี้ส่งสัญญาณไปยังสมองผ่านแกนลำไส้สมอง ส่งผลให้เกิดอาการซึมเศร้า สมองเสื่อม และความเหนื่อยล้า
เนื่องจากแบคทีเรียในลำไส้มีผลต่อสุขภาพของสมอง นักวิจัยจึงเริ่มศึกษาว่าโพรไบโอติกส์ (จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์) และพรีไบโอติกส์ (ใยอาหารที่เป็นอาหารของจุลินทรีย์) สามารถช่วยปรับปรุงอารมณ์และลดอาการของปัญหาสุขภาพจิตได้อย่างไร จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์เหล่านี้มักถูกเรียกว่า psychobiotics ซึ่งเป็นคำที่หมายถึงโพรไบโอติกส์และพรีไบโอติกส์ที่มีผลดีต่อสุขภาพจิต
งานวิจัยหลายชิ้นพบว่าเชื้อโพรไบโอติกส์บางชนิด เช่น Lactobacillus และ Bifidobacterium สามารถลดอาการวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า และความเครียด ตัวอย่างเช่น:
พรีไบโอติกส์ เช่น ที่พบในหัวหอม กระเทียม กล้วย และธัญพืชเต็มเมล็ด ยังมีบทบาทในการส่งเสริมสุขภาพจิตโดยช่วยบำรุงแบคทีเรียในลำไส้และส่งเสริมการผลิต SCFAs ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
อาหารมีบทบาทสำคัญในการกำหนดไมโครไบโอมในลำไส้ และส่งผลต่อสมองและพฤติกรรม การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยผลไม้ ผัก ธัญพืชเต็มเมล็ด และอาหารหมักดอง สามารถสนับสนุนไมโครไบโอมที่แข็งแรงและหลากหลาย ซึ่งช่วยส่งเสริมสุขภาพจิต ในทางตรงกันข้าม อาหารที่มีการแปรรูปสูง น้ำตาล และไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพสามารถทำให้เกิดความไม่สมดุลของไมโครไบโอมและส่งผลกระทบต่ออารมณ์และการทำงานของสมองในทางลบได้
ไมโครไบโอมในลำไส้มีบทบาทสำคัญในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างอาหาร การทำงานของสมอง และสุขภาพจิต ด้วยการผลิตสารสื่อประสาท การควบคุมการอักเสบ และการปรับการตอบสนองต่อความเครียด แบคทีเรียในลำไส้มีผลอย่างมากต่ออารมณ์ พฤติกรรม และการทำงานของสมอง
การดูแลสุขภาพลำไส้ให้ดีขึ้น—เช่น การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยใยอาหาร โพรไบโอติกส์ และพรีไบโอติกส์—สามารถส่งผลดีต่อสุขภาพจิตอย่างมาก ในขณะที่งานวิจัยยังคงเปิดเผยความซับซ้อนของการเชื่อมโยงระหว่างลำไส้และสมอง เป็นที่ชัดเจนว่าการบำรุงไมโครไบโอมที่แข็งแรงอาจเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการสนับสนุนสุขภาพจิตและอารมณ์
อ้างอิง:
บทความนี้จะสำรวจว่าเส้นใยอาหารช่วยปรับปรุงอารมณ์ ความเสถียรทางอารมณ์ และสุขภาพจิตได้อย่างไร
ลำไส้และสมองมีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้งผ่านสิ่งที่เรียกว่า gut-brain axis หรือแกนลำไส้สมอง ซึ่งเป็นระบบการสื่อสารสองทางที่เปลี่ยนแปลงในลำไส้สามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานของสมองและอารมณ์ ลำไส้มักถูกเรียกว่า “สมองที่สอง” เนื่องจากผลิตสารสื่อประสาทหลายชนิดที่ควบคุมอารมณ์ เช่น เซโรโทนิน (serotonin) ซึ่งเป็นสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับความสุขและความเป็นอยู่ที่ดี
ไฟเบอร์มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพลำไส้ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสมอง อาหารที่มีไฟเบอร์สูงส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ ซึ่งช่วยรักษาระบบย่อยอาหารให้แข็งแรง และรักษาการผลิตสารสื่อประสาทเหล่านี้ เมื่อแบคทีเรียในลำไส้เจริญเติบโต สมองจะได้รับสัญญาณเชิงบวกที่ช่วยปรับอารมณ์และลดระดับความเครียด ทำให้ลดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าได้
หนึ่งในวิธีสำคัญที่ไฟเบอร์ส่งผลต่ออารมณ์คือการส่งเสริมการผลิตเซโรโทนิน ประมาณ 90% ของเซโรโทนินถูกผลิตขึ้นในลำไส้ ไม่ใช่ในสมอง ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของสุขภาพลำไส้ต่อความเป็นอยู่ที่ดีทางจิตใจ อาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ โดยเฉพาะไฟเบอร์พรีไบโอติก (prebiotic fiber) ซึ่งพบในธัญพืชเต็มเมล็ด ผลไม้ ผัก และพืชตระกูลถั่ว ช่วยเป็นอาหารให้กับแบคทีเรียที่ดีในลำไส้
แบคทีเรียเหล่านี้ผลิตกรดไขมันสายสั้น (short-chain fatty acids หรือ SCFAs) ระหว่างกระบวนการหมัก ซึ่งช่วยส่งเสริมการปล่อยเซโรโทนิน ระดับเซโรโทนินที่สูงขึ้นเชื่อมโยงกับอารมณ์ที่ดีขึ้น การนอนหลับที่ดีขึ้น และสภาวะทางอารมณ์ที่สงบและสมดุล ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงจึงสามารถช่วยเพิ่มความสุขและลดความวิตกกังวลหรือความเศร้าได้
ไฟเบอร์มีความสำคัญในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการควบคุมอารมณ์ เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงหรือคาร์โบไฮเดรตที่ถูกย่อยอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำตาลในเลือดจะพุ่งขึ้นและตกลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดอาการหงุดหงิด เหนื่อยล้า และอารมณ์แปรปรวน
ในทางกลับกัน ไฟเบอร์ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดพลังงานอย่างต่อเนื่องและป้องกันการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดที่รุนแรง ซึ่งสามารถนำไปสู่อารมณ์ที่สมดุลและลดการเกิดอารมณ์แปรปรวนอย่างกะทันหัน
การอักเสบเรื้อรังในร่างกายมีความเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล การรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ต่ำและอาหารแปรรูปสูงสามารถเพิ่มการอักเสบทั้งในลำไส้และทั่วร่างกาย การอักเสบในลำไส้สามารถส่งผลกระทบต่อแกนลำไส้สมอง ทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่ออารมณ์และการทำงานของสมอง
ไฟเบอร์ โดยเฉพาะจากแหล่งอาหารเช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และพืชตระกูลถั่ว มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ การรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงช่วยส่งเสริมการเติบโตของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ ซึ่งช่วยลดการอักเสบในลำไส้และสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันที่ดี งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าคนที่บริโภคไฟเบอร์มากมีระดับการอักเสบต่ำกว่า ซึ่งเชื่อมโยงกับผลลัพธ์ด้านสุขภาพจิตที่ดีขึ้นและลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้า
องค์ประกอบของไมโครไบโอมในลำไส้ หรือแบคทีเรียและจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในระบบย่อยอาหารของเรา สามารถส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อสุขภาพจิตและอารมณ์ ไมโครไบโอมที่หลากหลายและแข็งแรงมีความสัมพันธ์กับการควบคุมอารมณ์ที่ดีขึ้น ระดับความวิตกกังวลที่ต่ำลง และความชัดเจนทางจิตใจที่ดีขึ้น
ไฟเบอร์มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความหลากหลายนี้ ไฟเบอร์พรีไบโอติก ซึ่งทำหน้าที่เป็นอาหารให้กับแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ ช่วยรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ไมโครไบโอมที่แข็งแรงจะผลิตสารประกอบที่ช่วยลดการอักเสบและควบคุมฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ เช่น คอร์ติซอล (cortisol) ซึ่งควบคุมความเครียด การสนับสนุนไมโครไบโอมที่ดีทำให้ไฟเบอร์มีส่วนช่วยให้เรามีความเสถียรทางอารมณ์และสามารถรับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น
อีกวิธีหนึ่งที่ไฟเบอร์สนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีทางจิตใจคือการป้องกันการกินเพราะความเครียดหรือความอยากอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เมื่อเรารู้สึกเครียด หลายคนหันไปหาขนมที่ให้ความสบายใจ เช่น พิซซ่า ไอศกรีม หรือมันฝรั่งทอด แม้อาหารเหล่านี้จะทำให้รู้สึกดีในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็มักจะตามมาด้วยความรู้สึกเศร้า พลังงานตก และเพิ่มความวิตกกังวล
อาหารที่มีไฟเบอร์สูงช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ทำให้ไม่หันไปหาขนมที่ไม่ดีต่อสุขภาพบ่อยๆ นอกจากนี้ยังช่วยในการย่อยอาหารและระดับพลังงานที่ดีขึ้น ทำให้ง่ายต่อการต้านทานการกินเพราะอารมณ์และรักษาอาหารที่สมดุล ซึ่งช่วยรักษาอารมณ์ให้คงที่
การนอนหลับที่ดีมีความสำคัญต่อสุขภาพจิต และไฟเบอร์ก็มีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ การนอนหลับไม่เพียงพอเชื่อมโยงกับความเครียดที่เพิ่มขึ้น ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า อาหารที่มีไฟเบอร์สูงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการรักษารูปแบบการนอนหลับที่ดี นอกจากนี้ ไมโครไบโอมที่สมดุล ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยไฟเบอร์ ยังผลิตสารสื่อประสาทที่ช่วยส่งเสริมการนอนหลับ เช่น เซโรโทนินและเมลาโทนิน (melatonin)
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Clinical Sleep Medicine พบว่าคนที่บริโภคไฟเบอร์มากขึ้นมีการนอนหลับที่ลึกและฟื้นฟูมากขึ้น เมื่อคุณภาพการนอนหลับดีขึ้น ไฟเบอร์จึงช่วยสนับสนุนสุขภาพจิตและลดระดับความเครียดและความวิตกกังวล
การกินข้าวเพื่อเส้นใยไฟเบอร์
ข้าวประกอบด้วยส่วนประกอบหลักหลายอย่าง ซึ่งแต่ละอย่างมีส่วนช่วยในด้านคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่มันต้องกินส่วนที่เป็นเส้นใยไฟเบอร์บนเม็ดข้าวนั่น อย่างพวกข้าวกล้องหรือข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสีมากนัก (มันไม่ใช่ข้าวทั้งหมดที่เป็นเส้นใยไฟเบอร์เนื่องจากข้าวขาวถูกลบส่วนประกอบบางส่วนออกไป)
ข้างล่างนี้คือส่วนประกอบสำคัญในข้าว:
และนั่นคือโดยรวมแล้ว คุณค่าทางโภชนาการของข้าวอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของข้าว (เช่น ข้าวขาวและข้าวกล้อง) แ
14 เมนู “กินกรีน” กับ 2 week Green Challenge
นี่คือแผนเมนูอาหารไทยๆ ที่มีเส้นใยสูงแบบไทย ๆ สำหรับ 14 วัน ทั้งในอาหารเช้า กลางวัน และเย็น:
หรือ
จะเป็นเมนูอาหารฝรั่งๆ 4 มื้อ ทั้งในอาหารเช้า กลางวัน เย็น และของว่าง:
เพราะอะไรอาหารเส้นใยหรือไฟเบอร์ถึงส่งผลดีต่อจิตใจของเรา
งานวิจัยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้ชี้ให้เห็นว่าไฟเบอร์มีบทบาทสำคัญไม่เพียงแค่ในด้านสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่ออารมณ์และความสุขโดยรวมอีกด้วย
ขอแบบสรุปๆ ก่อนเลยละกัน นั่นก็คือ
เส้นใยอาหารหรือไฟเบอร์ ส่งผลดีต่อแบคทีเรียที่ดีในลำไส้และกระบวนการย่อยอาหาร ซึ่งก็รวมไปถึงส่งผลดีต่อการดูดซึมสารอาหารของร่างกาย ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ ส่งผลกับระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ทำให้รู้สึกสบายตัว และเพิ่มระดับฮอร์โมนเกี่ยวข้องกับการควบคุมความเครียดและทำให้การนอนหลับดีขึ้น อ่านบทความแบบเต็มๆ คลิ๊ก!!
#กินข้าว ถือว่าเป็นการกินอาหารจำพวกเส้นใยไฟเบอร์มั้ย
#เพราะอะไรอาหารเส้นใยหรือไฟเบอร์ถึงส่งผลดีต่อจิตใจของเรา
บทความนี้จะสำรวจว่าเส้นใยอาหารช่วยปรับปรุงอารมณ์ ความเสถียรทางอารมณ์ และสุขภาพจิตได้อย่างไร
ลำไส้และสมองมีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้งผ่านสิ่งที่เรียกว่า gut-brain axis หรือแกนลำไส้สมอง ซึ่งเป็นระบบการสื่อสารสองทางที่เปลี่ยนแปลงในลำไส้สามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานของสมองและอารมณ์ ลำไส้มักถูกเรียกว่า “สมองที่สอง” เนื่องจากผลิตสารสื่อประสาทหลายชนิดที่ควบคุมอารมณ์ เช่น เซโรโทนิน (serotonin) ซึ่งเป็นสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับความสุขและความเป็นอยู่ที่ดี
ไฟเบอร์มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพลำไส้ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสมอง อาหารที่มีไฟเบอร์สูงส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ ซึ่งช่วยรักษาระบบย่อยอาหารให้แข็งแรง และรักษาการผลิตสารสื่อประสาทเหล่านี้ เมื่อแบคทีเรียในลำไส้เจริญเติบโต สมองจะได้รับสัญญาณเชิงบวกที่ช่วยปรับอารมณ์และลดระดับความเครียด ทำให้ลดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าได้
หนึ่งในวิธีสำคัญที่ไฟเบอร์ส่งผลต่ออารมณ์คือการส่งเสริมการผลิตเซโรโทนิน ประมาณ 90% ของเซโรโทนินถูกผลิตขึ้นในลำไส้ ไม่ใช่ในสมอง ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของสุขภาพลำไส้ต่อความเป็นอยู่ที่ดีทางจิตใจ อาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ โดยเฉพาะไฟเบอร์พรีไบโอติก (prebiotic fiber) ซึ่งพบในธัญพืชเต็มเมล็ด ผลไม้ ผัก และพืชตระกูลถั่ว ช่วยเป็นอาหารให้กับแบคทีเรียที่ดีในลำไส้
แบคทีเรียเหล่านี้ผลิตกรดไขมันสายสั้น (short-chain fatty acids หรือ SCFAs) ระหว่างกระบวนการหมัก ซึ่งช่วยส่งเสริมการปล่อยเซโรโทนิน ระดับเซโรโทนินที่สูงขึ้นเชื่อมโยงกับอารมณ์ที่ดีขึ้น การนอนหลับที่ดีขึ้น และสภาวะทางอารมณ์ที่สงบและสมดุล ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงจึงสามารถช่วยเพิ่มความสุขและลดความวิตกกังวลหรือความเศร้าได้
ไฟเบอร์มีความสำคัญในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการควบคุมอารมณ์ เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงหรือคาร์โบไฮเดรตที่ถูกย่อยอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำตาลในเลือดจะพุ่งขึ้นและตกลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดอาการหงุดหงิด เหนื่อยล้า และอารมณ์แปรปรวน
ในทางกลับกัน ไฟเบอร์ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดพลังงานอย่างต่อเนื่องและป้องกันการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดที่รุนแรง ซึ่งสามารถนำไปสู่อารมณ์ที่สมดุลและลดการเกิดอารมณ์แปรปรวนอย่างกะทันหัน
การอักเสบเรื้อรังในร่างกายมีความเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล การรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ต่ำและอาหารแปรรูปสูงสามารถเพิ่มการอักเสบทั้งในลำไส้และทั่วร่างกาย การอักเสบในลำไส้สามารถส่งผลกระทบต่อแกนลำไส้สมอง ทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่ออารมณ์และการทำงานของสมอง
ไฟเบอร์ โดยเฉพาะจากแหล่งอาหารเช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และพืชตระกูลถั่ว มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ การรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงช่วยส่งเสริมการเติบโตของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ ซึ่งช่วยลดการอักเสบในลำไส้และสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันที่ดี งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าคนที่บริโภคไฟเบอร์มากมีระดับการอักเสบต่ำกว่า ซึ่งเชื่อมโยงกับผลลัพธ์ด้านสุขภาพจิตที่ดีขึ้นและลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้า
องค์ประกอบของไมโครไบโอมในลำไส้ หรือแบคทีเรียและจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในระบบย่อยอาหารของเรา สามารถส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อสุขภาพจิตและอารมณ์ ไมโครไบโอมที่หลากหลายและแข็งแรงมีความสัมพันธ์กับการควบคุมอารมณ์ที่ดีขึ้น ระดับความวิตกกังวลที่ต่ำลง และความชัดเจนทางจิตใจที่ดีขึ้น
ไฟเบอร์มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความหลากหลายนี้ ไฟเบอร์พรีไบโอติก ซึ่งทำหน้าที่เป็นอาหารให้กับแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ ช่วยรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ไมโครไบโอมที่แข็งแรงจะผลิตสารประกอบที่ช่วยลดการอักเสบและควบคุมฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ เช่น คอร์ติซอล (cortisol) ซึ่งควบคุมความเครียด การสนับสนุนไมโครไบโอมที่ดีทำให้ไฟเบอร์มีส่วนช่วยให้เรามีความเสถียรทางอารมณ์และสามารถรับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น
อีกวิธีหนึ่งที่ไฟเบอร์สนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีทางจิตใจคือการป้องกันการกินเพราะความเครียดหรือความอยากอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เมื่อเรารู้สึกเครียด หลายคนหันไปหาขนมที่ให้ความสบายใจ เช่น พิซซ่า ไอศกรีม หรือมันฝรั่งทอด แม้อาหารเหล่านี้จะทำให้รู้สึกดีในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็มักจะตามมาด้วยความรู้สึกเศร้า พลังงานตก และเพิ่มความวิตกกังวล
อาหารที่มีไฟเบอร์สูงช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ทำให้ไม่หันไปหาขนมที่ไม่ดีต่อสุขภาพบ่อยๆ นอกจากนี้ยังช่วยในการย่อยอาหารและระดับพลังงานที่ดีขึ้น ทำให้ง่ายต่อการต้านทานการกินเพราะอารมณ์และรักษาอาหารที่สมดุล ซึ่งช่วยรักษาอารมณ์ให้คงที่
การนอนหลับที่ดีมีความสำคัญต่อสุขภาพจิต และไฟเบอร์ก็มีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ การนอนหลับไม่เพียงพอเชื่อมโยงกับความเครียดที่เพิ่มขึ้น ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า อาหารที่มีไฟเบอร์สูงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการรักษารูปแบบการนอนหลับที่ดี นอกจากนี้ ไมโครไบโอมที่สมดุล ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยไฟเบอร์ ยังผลิตสารสื่อประสาทที่ช่วยส่งเสริมการนอนหลับ เช่น เซโรโทนินและเมลาโทนิน (melatonin)
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Clinical Sleep Medicine พบว่าคนที่บริโภคไฟเบอร์มากขึ้นมีการนอนหลับที่ลึกและฟื้นฟูมากขึ้น เมื่อคุณภาพการนอนหลับดีขึ้น ไฟเบอร์จึงช่วยสนับสนุนสุขภาพจิตและลดระดับความเครียดและความวิตกกังวล
#ตามหาอาหารที่มีไฟเบอร์กัน
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยอื่นๆ เพื่อจะดูความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับสุขภาพจิต ว่าการกินอาหารกากใยมีผลกับสมอง และระบบสื่อประสาทของเราอย่างไร ซึ่งมันมาในรูปของแบคทีเรียในร่างกายของเราเอง
#อาหารเส้นใยไฟเบอร์กับผลกระทบต่อการทำงานของสมอง พฤติกรรม และอารมณ์
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้ตระหนักถึงความเชื่อมโยงอันทรงพลังระหว่างลำไส้และสมอง ซึ่งมักเรียกว่า แกนลำไส้สมอง (gut-brain axis) แกนนี้เกี่ยวข้องกับบทบาทของไมโครไบโอมในลำไส้—ซึ่งเป็นจุลินทรีย์หลายล้านล้านตัว รวมถึงแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส ที่อาศัยอยู่ในระบบย่อยอาหาร สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย เช่น การย่อยอาหารและภูมิคุ้มกัน แต่ยังมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการทำงานของสมอง พฤติกรรม และอารมณ์อีกด้วย
แกนลำไส้สมองเป็นระบบการสื่อสารที่ซับซ้อนซึ่งช่วยให้ลำไส้และสมองสามารถโต้ตอบกันได้อย่างสองทาง ระบบนี้ประกอบด้วยหลายเส้นทาง เช่น เส้นประสาท ฮอร์โมน และระบบภูมิคุ้มกัน ที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณระหว่างระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) และระบบประสาทลำไส้ (ENS) ซึ่งควบคุมการทำงานของระบบทางเดินอาหาร
เส้นประสาทเวกัส (vagus nerve) ซึ่งเป็นเส้นประสาทสมองที่ยาวที่สุด มีบทบาทสำคัญในการสื่อสารระหว่างลำไส้และสมอง แต่ที่น่าสนใจคือ ไมโครไบโอมในลำไส้สามารถมีอิทธิพลต่อการสื่อสารนี้ได้โดยตรง ไมโครไบโอมผลิตสารที่มีผลต่อระบบประสาท เช่น สารสื่อประสาทอย่างเซโรโทนิน โดปามีน และแกมมา-อะมิโนบิวไทริกแอซิด (GABA) ซึ่งล้วนเป็นสารที่สำคัญต่อการควบคุมอารมณ์และพฤติกรรม
สารสื่อประสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซโรโทนิน ถูกผลิตขึ้นจำนวนมากในลำไส้ ประมาณ 90% ของเซโรโทนินในร่างกาย ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สำคัญต่อการรักษาอารมณ์ ความสุข และความเป็นอยู่ที่ดี ถูกสังเคราะห์ในระบบทางเดินอาหาร แบคทีเรียบางชนิดในลำไส้สามารถผลิตและควบคุมปริมาณสารสื่อประสาทเหล่านี้ ซึ่งส่งผลต่ออารมณ์และการควบคุมอารมณ์
ตัวอย่างเช่น:
ด้วยกลไกเหล่านี้ ไมโครไบโอมในลำไส้จึงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดว่าเรารู้สึกอย่างไร ประพฤติอย่างไร และตอบสนองต่อความเครียดอย่างไร
เมื่อความสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ถูกทำลาย—ซึ่งเรียกว่า gut dysbiosis—อาจนำไปสู่ปัญหาทั้งทางร่างกายและจิตใจ ความไม่สมดุลนี้อาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ การใช้ยาปฏิชีวนะ ความเครียดเรื้อรัง หรือการเจ็บป่วย การเสียสมดุลของไมโครไบโอมนี้ถูกเชื่อมโยงกับภาวะสุขภาพจิตหลายประการ เช่น:
ไมโครไบโอมในลำไส้ยังมีบทบาทสำคัญในการตอบสนองต่อความเครียดของร่างกาย จากการศึกษากับสัตว์ทดลองพบว่าหนูที่ถูกเลี้ยงให้ปราศจากแบคทีเรียในลำไส้ (germ-free mice) จะแสดงการตอบสนองต่อความเครียดที่รุนแรงขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของไมโครไบโอมในการควบคุมการตอบสนองต่อความเครียด
ในมนุษย์ การศึกษาหลายชิ้นพบว่าผู้ที่มีไมโครไบโอมที่หลากหลายและแข็งแรงจะมีความยืดหยุ่นทางอารมณ์ดีกว่า และสามารถรับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น ในขณะที่ผู้ที่มีไมโครไบโอมที่ไม่สมดุลเนื่องจากการรับประทานอาหารที่ไม่ดี หรือการใช้ยาปฏิชีวนะ อาจมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะทางจิตใจที่เกิดจากความเครียด เช่น ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า
การอักเสบเรื้อรังเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้าและปัญหาทางอารมณ์อื่นๆ และไมโครไบโอมในลำไส้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการตอบสนองต่อการอักเสบของร่างกาย แบคทีเรียบางชนิด โดยเฉพาะแบคทีเรียที่ได้รับสารอาหารจากใยอาหารและอาหารที่มาจากพืช สามารถผลิตกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) เช่น บิวทิเรต ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ บิวทิเรตช่วยลดการอักเสบในลำไส้และเสริมสร้างผนังลำไส้ให้แข็งแรง ป้องกันไม่ให้แบคทีเรียและสารพิษที่เป็นอันตรายเข้าสู่กระแสเลือดและก่อให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสมอง
ในทางกลับกัน เมื่อไมโครไบโอมในลำไส้ไม่สมดุล อาจทำให้เกิดการอักเสบทั้งในลำไส้และทั่วร่างกาย การอักเสบนี้ส่งสัญญาณไปยังสมองผ่านแกนลำไส้สมอง ส่งผลให้เกิดอาการซึมเศร้า สมองเสื่อม และความเหนื่อยล้า
เนื่องจากแบคทีเรียในลำไส้มีผลต่อสุขภาพของสมอง นักวิจัยจึงเริ่มศึกษาว่าโพรไบโอติกส์ (จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์) และพรีไบโอติกส์ (ใยอาหารที่เป็นอาหารของจุลินทรีย์) สามารถช่วยปรับปรุงอารมณ์และลดอาการของปัญหาสุขภาพจิตได้อย่างไร จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์เหล่านี้มักถูกเรียกว่า psychobiotics ซึ่งเป็นคำที่หมายถึงโพรไบโอติกส์และพรีไบโอติกส์ที่มีผลดีต่อสุขภาพจิต
งานวิจัยหลายชิ้นพบว่าเชื้อโพรไบโอติกส์บางชนิด เช่น Lactobacillus และ Bifidobacterium สามารถลดอาการวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า และความเครียด ตัวอย่างเช่น:
พรีไบโอติกส์ เช่น ที่พบในหัวหอม กระเทียม กล้วย และธัญพืชเต็มเมล็ด ยังมีบทบาทในการส่งเสริมสุขภาพจิตโดยช่วยบำรุงแบคทีเรียในลำไส้และส่งเสริมการผลิต SCFAs ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
อาหารมีบทบาทสำคัญในการกำหนดไมโครไบโอมในลำไส้ และส่งผลต่อสมองและพฤติกรรม การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยผลไม้ ผัก ธัญพืชเต็มเมล็ด และอาหารหมักดอง สามารถสนับสนุนไมโครไบโอมที่แข็งแรงและหลากหลาย ซึ่งช่วยส่งเสริมสุขภาพจิต ในทางตรงกันข้าม อาหารที่มีการแปรรูปสูง น้ำตาล และไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพสามารถทำให้เกิดความไม่สมดุลของไมโครไบโอมและส่งผลกระทบต่ออารมณ์และการทำงานของสมองในทางลบได้
ไมโครไบโอมในลำไส้มีบทบาทสำคัญในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างอาหาร การทำงานของสมอง และสุขภาพจิต ด้วยการผลิตสารสื่อประสาท การควบคุมการอักเสบ และการปรับการตอบสนองต่อความเครียด แบคทีเรียในลำไส้มีผลอย่างมากต่ออารมณ์ พฤติกรรม และการทำงานของสมอง
การดูแลสุขภาพลำไส้ให้ดีขึ้น—เช่น การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยใยอาหาร โพรไบโอติกส์ และพรีไบโอติกส์—สามารถส่งผลดีต่อสุขภาพจิตอย่างมาก ในขณะที่งานวิจัยยังคงเปิดเผยความซับซ้อนของการเชื่อมโยงระหว่างลำไส้และสมอง เป็นที่ชัดเจนว่าการบำรุงไมโครไบโอมที่แข็งแรงอาจเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการสนับสนุนสุขภาพจิตและอารมณ์
อ้างอิง:
คุณเคยสังเกตไหมว่าอาหารบางอย่างทำให้คุณรู้สึกมีความสุข มีพลังงาน หรือสงบ ในขณะที่บางอย่างทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า วิตกกังวล หรือหงุดหงิด? ความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับอารมณ์นั้นไม่อาจปฏิเสธได้ และการเข้าใจว่าอาหารที่คุณรับประทานส่งผลต่ออารมณ์อย่างไร สามารถช่วยปรับปรุงทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพกายของคุณได้
#ความเชื่อมโยงอันทรงพลังระหว่างอาหารและอารมณ์: อาหารส่งผลต่อความรู้สึกของคุณอย่างไร
อาหารที่เรารับประทานไม่ได้แค่ให้พลังงานกับร่างกายเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการควบคุมสารเคมีในสมอง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่ออารมณ์ของเรา ตัวอย่างเช่น กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่พบในปลาที่มีไขมันอย่างปลาแซลมอนและวอลนัท สามารถลดอาการซึมเศร้าได้ ในขณะที่คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจากธัญพืชเต็มเมล็ดและผักช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งสามารถช่วยรักษาสมดุลอารมณ์ได้
ในทางตรงกันข้าม อาหารที่ผ่านกระบวนการสูง ขนมหวาน และคาเฟอีนในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ ความหงุดหงิด และแม้กระทั่งเพิ่มความวิตกกังวล อาหารเหล่านี้ทำให้พลังงานพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วตกลงอย่างรวดเร็ว ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้าและหมดแรงทางอารมณ์
หากคุณต้องการรู้สึกดีขึ้น การเลือกอาหารที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ อาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหาร เช่น กล้วย ดาร์กช็อกโกแลต และอะโวคาโด มีคุณสมบัติในการเพิ่มระดับเซโรโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความสุขและการผ่อนคลาย อาหารหมักดองเช่น โยเกิร์ต กิมจิ และกะหล่ำปลีดอง ยังสามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพลำไส้ ซึ่งเชื่อมโยงกับการควบคุมอารมณ์ที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ผักใบเขียว ถั่ว และเมล็ดพืชยังเป็นแหล่งที่ดีของแมกนีเซียม ซึ่งมีบทบาทในการลดความเครียดและส่งเสริมการผ่อนคลาย การเพิ่มอาหารเหล่านี้ในอาหารประจำวันของคุณอาจช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลและปรับปรุงเสถียรภาพทางอารมณ์โดยรวมได้
คุณรู้ไหมว่าลำไส้มักถูกเรียกว่า “สมองที่สอง”? นั่นเป็นเพราะลำไส้และสมองเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด และสุขภาพลำไส้ที่ดีสามารถนำไปสู่สุขภาพจิตที่ดีขึ้นได้ ไมโครไบโอมในลำไส้ ซึ่งเป็นกลุ่มแบคทีเรียดีในระบบย่อยอาหารของคุณ ผลิตสารสื่อประสาทหลายชนิด เช่น เซโรโทนิน ที่ควบคุมอารมณ์
การรับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผลไม้ ผัก และธัญพืชเต็มเมล็ด ช่วยบำรุงแบคทีเรียในลำไส้ ในขณะที่โพรไบโอติกส์ที่พบในอาหารหมักดองช่วยรักษาสุขภาพลำไส้ การรักษาสมดุลของไมโครไบโอมในลำไส้สามารถลดความรู้สึกเครียด วิตกกังวล และแม้กระทั่งภาวะซึมเศร้าได้
หลายคนมักหันไปหาอาหารเพื่อปลอบประโลมใจ เช่น พิซซ่า ไอศกรีม หรือมันฝรั่งทอดเมื่อรู้สึกเครียด แม้อาหารเหล่านี้จะให้ความสบายใจชั่วคราว แต่ก็มักนำไปสู่การตกต่ำทางอารมณ์ ความรู้สึกผิด และการเพิ่มขึ้นของความวิตกกังวลในภายหลัง การกินตามความเครียดสร้างวงจรการกินที่ไม่ดี ซึ่งไม่เพียงส่งผลกระทบต่ออารมณ์ แต่ยังเพิ่มความเครียดและสภาวะจิตใจที่ไม่ดี
การทำลายวงจรนี้จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังและการเลือกอาหารที่ดีขึ้นในช่วงเวลาที่เครียด ควรเลือกของว่างที่ช่วยเพิ่มอารมณ์ เช่น ถั่ว เบอร์รี่ หรือดาร์กช็อกโกแลต ซึ่งให้พลังงานที่ยั่งยืนโดยไม่ทำให้เกิดการตกต่ำทางอารมณ์
หากคุณต้องการรักษาอารมณ์ให้คงที่และปรับปรุงสุขภาพจิต มีอาหารบางประเภทที่ควรจำกัดหรือหลีกเลี่ยง อาหารที่ผ่านการแปรรูป อาหารจานด่วน ขนมหวาน และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูงสามารถส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของคุณได้โดยทำให้พลังงานลดลงและเพิ่มความหงุดหงิด การลดการบริโภคอาหารเหล่านี้สามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากในความรู้สึกของคุณในแต่ละวัน
แทนที่จะเน้นการรวมอาหารที่มีประโยชน์ลงในอาหารประจำวัน เช่น ผลไม้สด ผัก โปรตีนที่มีไขมันต่ำ และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ อาหารเหล่านี้ให้สารอาหารที่สมองของคุณต้องการในการทำงานอย่างเต็มที่และช่วยให้อารมณ์คงที่ นะจ๊ะ
#กินข้าว ถือว่าเป็นการกินอาหารจำพวกเส้นใยไฟเบอร์มั้ย ก็เพราะว่าเราคนไทย และอาหารไทยเน้นข้าว
ข้าวประกอบด้วยส่วนประกอบหลักหลายอย่าง ซึ่งแต่ละอย่างมีส่วนช่วยในด้านคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่มันต้องกินส่วนที่เป็นเส้นใยไฟเบอร์บนเม็ดข้าวนั่น อย่างพวกข้าวกล้องหรือข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสีมากนัก (มันไม่ใช่ข้าวทั้งหมดที่เป็นเส้นใยไฟเบอร์เนื่องจากข้าวขาวถูกลบส่วนประกอบบางส่วนออกไป)
ข้างล่างนี้คือส่วนประกอบสำคัญในข้าว:
และนั่นคือโดยรวมแล้ว คุณค่าทางโภชนาการของข้าวอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของข้าว (เช่น ข้าวขาวและข้าวกล้อง) แต่คาร์โบไฮเดรต (โดยเฉพาะแป้ง), โปรตีน, ใยอาหาร, วิตามิน, แร่ธาตุ, และสารต้านอนุมูลอิสระเป็นส่วนประกอบสำคัญ
14 เมนู “กินกรีน” กับ 2 week Green Challenge
#ตามหาอาหารที่มีไฟเบอร์กัน
นี่คือแผนเมนูอาหารไทยที่มีเส้นใยสูงแบบไทย ๆ สำหรับ 14 วัน ทั้งในอาหารเช้า กลางวัน และเย็น:
เมนูเหล่านี้เน้นการใช้ผักสด ธัญพืชเต็มเมล็ด และอาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ถั่ว และผลไม้ เพื่อตอบโจทย์สุขภาพระบบย่อยอาหารและส่งเสริมการบริโภคไฟเบอร์ให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน
หรือ
จะเป็นแผนเมนูอาหารฝรั่งๆ 14 วัน ที่เน้นมื้ออาหารที่มีเส้นใยสูง แต่ละวันประกอบด้วยอาหารเช้า อาหารกลางวัน อาหารเย็น และของว่าง:
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเมนูไหน อาหารเหล่านี้อุดมไปด้วยธัญพืชเต็มเมล็ด ถั่ว ผลไม้ และผัก ซึ่งมีเส้นใยสูง ช่วยส่งเสริมสุขภาพของระบบย่อยอาหารและความเป็นอยู่ที่ดีของร่างกายโดยรวม
ยินดีด้วย คุณติดตามมาจนครบเมนูอาหารทั้ง 14 วัน! ขอให้มีสุขภาพกันถ้วนหน้าจ้า
30 คำศัพท์การเงินสำหรับเด็ก
Money: What you use to buy things.
Savings: Money you keep for the future.
Spending: Using money to buy things.
Budget: A plan for how to use your money.
Bank: A place to keep your money safe.
Loan: Money you borrow and must pay back.
Interest: Extra money paid for borrowing money.
Allowance: Money parents give you regularly.
Piggy Bank: A small container to save money.
Wallet: A small case to carry money.
Price: How much something costs.
Coin: Small, round pieces of money.
Dollar: Paper money.
Check: A written promise to pay money.
Credit Card: A card to borrow money for purchases.
Debit Card: A card to spend money from your bank account.
Earnings: Money you make from work.
Trade: Exchanging something for something else.
Debt: Money you owe.
Profit: Money you earn after costs.
Loss: When you spend more than you earn.
Gift: Money or things given to you.
Charity: Giving money to help others.
Cash: Physical money like coins and bills.
Receipt: A paper showing you bought something.
Bill: A paper showing what you owe.
Expense: Money spent on something.
Tip: Extra money given for good service.
Donation: Money given to help others.
Value: How much something is worth.
หรือผู้ใหญ่จะด้วยก็ได้ นะ
ทุกวันนี้ การเรียนรู้เรื่องการเงินสำหรับเด็กเริ่มเป็นที่ให้ความสนใจมากขึ้น สาเหตุหนึ่งนั่นเป็นเพราะผู้ใหญ่เองก็มีความรู้เรื่องการเงินค่อนข้างจำกัด หรือเมื่อมีความรู้มากขึ้นก็รู้สึกว่าเราได้เรียนรู้มันช้าเกินไป
*
ตอนเรายังไม่มีเงิน เราต้องบริหารเงินให้มีพอใช้ และเมื่อเรามีเงินแล้ว เราก็ต้องบริหารเงินเหมือนกัน ..
*
เรามาทำความรู้จักกับอะไรคือการเงินกันหน่อย
การเงินก็เป็นเรื่องเงินๆ อย่างไรเล่า มีคำว่าเงินเต็มไปหมดอย่างนี้ 😛
แต่ถ้าจะเอาความหมายแบบดูมีวิชาการ แตกแขนงตามวัตถุประสงค์ของการบริหารเงินๆที่เกี่ยวข้องแล้ว การเงินมี 5 รูปแบบด้วยกัน
30 words for finance flashcards
guide to help your kids understand finance
เมื่อเราพอจะรู้จักรูปแบบของการเงินแบบต่างๆ แล้ว เราคงต้องรู้ต่อว่าอันที่จริงแล้วมันมีคีย์คอนเซป หรือหลักการในภาพรวมที่เหมือนกัน
หลักการสำคัญของการเงิน